ชื่อพญานาคสีเขียวนั้นเป็นชื่อที่คนไทยคุ้นเคยกันอย่างแพร่หลาย โดยพญานาคสีเขียวถูกกล่าวถึงในตำนานไทยว่าเป็นตัวการผู้คุ้มครองและรักษาความเป็นสิริมงคลของป่าและทางน้ำ หลายคนเชื่อว่าการเห็นพญานาคสีเขียวตัวใหญ่มีความสัมพันธ์กับความเชื่อทางศาสนาหรือการเจริญรุ่งเรืองในชีวิต เป็นที่รู้จักกันแบบกว้างขวางในวงการพนันมวยไทย ซึ่งมักจะชื่นชมและเชื่อเหตุผลว่าพญานาคสีเขียวมีอำนาจในการผลักดันชนะการแข่งขันไทยในสมัยก่อน
แต่ในปัจจุบัน มีภาพถ่ายที่ถ่ายได้จากชาวบ้านอ่าวพุทธในจังหวัดกาญจนบุรีที่ประเทศไทย ที่เล่าถึงปรากฏการณ์อันน่าประหลาดใจที่เกิดขึ้นว่า ชาวบ้านได้เห็นพญานาคสีเขียวตัวใหญ่บินผ่านท้องฟ้าของอ่าวพุทธ เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจจากประชาสัมพันธ์เพื่อให้ชาวโลกได้รู้จักกับบทประพันธ์นะของนาคสีเขียวในป่าและทางน้ำไทย
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าการเห็นพญานาคสีเขียวตัวใหญ่ เหตุการณ์นี้เป็นจริงหรือไม่ และมีอะไรที่ทำให้พญานาคสีเขียวตัวใหญ่กลายเป็นที่น่าประหลาดใจขนาดนี้เกิดขึ้น? ดังนั้น ในบทความนี้จะมาสำรวจความเป็นไปได้ของเหตุการณ์นี้ และส่องเสียดายความเชื่อที่ว่าพญานาคสีเขียวคือตัวการผู้คุ้มครองและรักษาความเป็นสิริมงคลของป่าและทางน้ำ
เริ่มต้นให้เรามาพูดถึงพื้นที่อ่าวพุทธในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอ่าวนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย และเป็นที่ตั้งของพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสวนน้ำพุทธชินราชภักดี นอกจากนี้ ท้องทะเลใกล้เคียงกับอ่าวพุทธยังเป็นแหล่งที่มาของทั้งปูนะไชยและเกาะสิบสอง ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในรอบท้องทะเลอันดับต้น แต่ในภาพถ่ายที่ถ่ายได้จากชาวบ้านในอ่าวพุทธ ไม่ใช่ทิวทัศน์ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสดใสและเงียบสงบเหมือนเดิม เพราะกลับไปเป็นการเห็นพญานาคสีเขียวตัวใหญ่บินงอกงามผ่านท้องฟ้า
คณะกรรมการบริหารพื้นที่สัตว์ป่ากาญจนบุรีได้ยืนยันว่ามีบทสรุปภาพถ่ายถ่ายล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่พ่ายแพ้ความเชื่อที่ว่าพญานาคสีเขียวคือตัวการผู้คุ้มครองและรักษาความเป็นสิริมงคลของป่าและทางน้ำ คณะกรรมการบอกว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นโดยส่วนใหญ่เนื่องจากทำมาจากการมองเห็นผิดชัด อาจเป็นเนื่องจากเปลี่ยนแปลงการเข้าถึงพื้นที่ของมนุษย์ในภูมิภาคนั้น โดยเฉพาะการจัดตั้งโครงการท่องเที่ยวต่างๆ ที่กระตุ้นความสะอาดบริเวณนี้ตลอดเวลา
ถือว่าการเห็นพญานาคสีเขียวตัวใหญ่นี้เป็นอีกหนึ่งพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์ทำให้พื้นที่ต่าง ๆ ของโลกเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตกับธรรมชาติที่ต้องอยู่ร่วมกัน ดังนั้น หากเราต้องการเห็นอนาคตของโลกที่มีชีวิตร่วมกันได้ดีขึ้น จำเป็นที่จะต้องรับรู้การกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่และสิ่งแวดล้อมในโลกของเรา มิเช่นนั้น อนาคตของโลกอาจจะไม่สวยเท่าที่เราคิด และไม่เหมาะสมกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในโลกของเราอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการตัดสินใจเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าถูกต้อง หรือไม่เป็นปิ๊งหรือสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจะได้เล่าให้เครื่องเสียงเบสร้องไปใหญ่ เนื่องจากเราต้องคิดว่าการรักษาสิ่งแวดล้อมในโลกของเราเป็นเรื่องสำคัญที่เหมาะสมต่อการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในโลก ทั้งนี้ เรายังคงต้องมีการทำความเข้าใจอย่างแท้จริงในเทคโนโลยีสื่อสารและการเผยแพร่ข้อมูล เนื่องจากการมองหาความจริงของเหตุการณ์และข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความมั่นใจในที่สุด
