ในปัจจุบันนี้ เราไม่สามารถแยกว่าวัคซีนโควิดกลุ่มไหนเหมาะสมกับเราได้ยังไง แต่ความเสี่ยงที่เราต้องเผชิญอยู่กับโรคโควิดยังคงมีอยู่ต่างหาก จึงส่งผลให้เกิดการนำเอาวัคซีนกลุ่มต่าง ๆ มาใช้ร่วมกัน เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการต้านทานและป้องกันการติดเชื้อของโรคโควิด-19 ในบทความนี้เราจะพูดถึง รู้จักชื่อวัคซีนโควิดต่าง ๆ ที่มีในตลาดไทยในขณะนี้
1. วัคซีนของโมเดอร์น่า (Moderna) – เป็นวัคซีน mRNA ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทโมเดอร์น่าของสหรัฐอเมริกา ได้รับการอนุมัติโดยองค์กรอนุญาตยาและอาหาร (FDA) และอนุญาตโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ถึง 94.1 เปอร์เซ็นต์
2. วัคซีนออกซฟอร์ด-อสตราเซเนกา (AstraZeneca) – เป็นวัคซีนเวกเตอร์ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท AstraZeneca จากสหราชอาณาจักร ได้รับการอนุมัติใช้งานโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และได้ได้รับการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยร่วมกับสถาบันวิจัยทางการแพทย์ เมื่อนำไปทดลองบนกลุ่มประชากรได้ผลการป้องกันโรคโดยรวดเร็วถึง 70.4 เปอร์เซนต์
3. วัคซีนไวเซีย (Sinovac) – เป็นวัคซีนเชื้อดี ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทซิโนแวคของจีน ได้รับการอนุมัติเพื่อใช้งานทั่วไปและมีผลป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ถึง 51 เปอร์เซนต์ แต่ก็ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถไล่ลำบากของโรคได้
4. วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) – เป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Johnson & Johnson ของสหรัฐอเมริกา ได้รับการอนุมัติใช้งานโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ถึง 66.9 เปอร์เซ็นต์
5. วัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) – วัคซีนที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทบริหารส่วนร่วมของจีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้รับการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ถึง 79.3 เปอร์เซนต์
6. วัคซีนชุดคู่ของโพฟายเซอร์ (BioNTech/Pfizer) – เป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัท BioNTech และ Pfizer ของสหรัฐอเมริกา เป็นวัคซีน mRNA ซึ่งได้รับการรับรองโดยองค์กรอนุญาตยาและอาหารของสหรัฐอเมริกา และยังได้รับการอนุมัติใช้งานโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ถึง 95 เปอร์เซนต์
7. วัคซีน Moderna Booster – เป็นวัคซีน mRNA ชนิดเดียวกับวัคซีน Moderna แต่ได้รับการพัฒนามาเป็นวัคซีน Booster เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันด้านหลัง หลังจากได้รับวัคซีนครั้งแรก มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 โดยมีข้อมูลให้เห็นว่า วัคซีน Moderna Booster ช่วยประสิทธิภาพการป้องกันโรคได้สูงถึง 94.5%
โดยสรุปแล้ว การบริหารจัดการโรคโควิด-19 จะต้องพิจารณาการใช้วัคซีนโควิดตามสภาพร่างกายและอาการของแต่ละบุคคล ดังนั้น หากมีอาการหรือเห็นว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้วัคซีนโควิดต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด และช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ให้สำเร็จฉันท์ได้อย่างมั่นคง โดยสะท้อนจากข้อมูลจาก WHO ที่ได้ระบุว่าการฉีดวัคซีนโควิด สามารถช่วยลดการแพร่กระจายโรคป้องกันการติดต่อโรคได้มากกว่าการใช้มาตรการป้องกันเชิงรุกต่าง ๆ
